ไปยังหน้า : |
รูปสมุทเทสนัย เป็นนัยที่แสดงสภาวะของรูปธรรมโดยสังเขป เพื่อให้รู้ถึงคุณลักษณะและประเภทของรูปธรรมแต่ละอย่าง ว่ามีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง ในเบื้องต้นก่อน แล้วจึงจะแสดงการจำแนกรูปโดยพิสดารในนัยต่อไป
ในหมวดที่ว่าด้วยเรื่องรูปสมุทเทสนัยนี้ เบื้องต้นเป็นการแสดงถึงสภาพของรูปที่เป็นปรมัตถ์แท้และปรมัตถ์เทียม ตามนัยที่พระอนุรุทธาจารย์แสดงไว้ในคาถาสังคหะที่ ๓ และที่ ๔ ในปริจเฉทที่ ๖ รูปสังคหวิภาค
คณาจารย์อภิธรรมในประเทศไทย มีพระอาจารย์สัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะรุ.๑๙ เป็นต้น ก็ได้แสดงอารัมภบทเรื่องรูปสมุทเทสนัยไว้ดังนี้
การแสดงภาวะของรูปธรรม เพื่อให้รู้ถึงคุณสมบัติพิเศษของรูปแต่ละรูป ซึ่งไม่เหมือนกัน ตามคาถาสังคหะที่แสดงไว้ในคาถาที่ ๓ และที่ ๔ ดังนี้
คาถาสังคหะที่ ๓
[คาถาแสดงนิปผันนรูป ๑๘]
ภูตปฺปสาทวิสยา | ภาโว หทยมิจฺจปิ | |
ชีวิตาหารรูเป หิ | อฏฺารสวิธํ ตถา ฯ |
แปลความว่า
มหาภูตรูป ๔ ปสาทรูป ๕ วิสยรูป ๔ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ อาหารรูป ๑ รวม ๑๘ รูปนี้ เป็นรูปปรมัตถ์แท้ เรียกว่า นิปผันนรูป
คาถาสังคหะที่ ๔
[คาถาแสดงอนิปผันนรูป ๑๐]
ปริจฺเฉโท จ วิญฺตฺติ | วิกาโร ลกฺขณนฺติ จ | |
อนิปฺผนฺนา ทสา เจติ | อฏฺวีสวิธมฺภเว ฯ |
แปลความว่า
ปริจเฉทรูป ๑ วิญญัติรูป ๒ วิการรูป ๓ และลักขณรูป ๔ เป็นรูปที่ไม่ใช่รูปปรมัตถ์แท้ เรียกว่า อนิปผันนรูป ๑๐ จึงรวมจำนวนรูปทั้งหมด [นิปผันนรูป ๑๘ และอนิปผันนรูป ๑๐] ได้ ๒๘ รูป
อธิบายความหมาย
ในคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีการุ.๒๐ ได้แสดงคำอธิบายขยายเนื้อความในรูปสมุทเทสนัยไว้ดังต่ไปนี้
รูป ๒ อย่างนี้ คือ มหาภูตรูป ๔ กับอุปาทายรูป [รูปที่อาศัยมหาภูตรูปเกิด] ๒๔ ย่อมถึงการรวมเข้าได้ ๑๑ อย่าง คือ
รูป ๑๘ อย่าง ได้แก่ ปถวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ ชื่อว่า มหาภูตรูป ๑ จักขุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ ชื่อว่า ปสาทรูป ๑ รูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ กล่าวคือ มหาภูตรูปทั้ง ๓ [เว้นอาโปธาตุ] ชื่อว่า โคจรรูป ๑ ความเป็นหญิง ความเป็นชาย ชื่อว่า ภาวรูป ๑ หทยวัตถุ ชื่อว่า หทยรูป ๑ ชีวิตินทรีย์ ชื่อว่า ชีวิตรูป ๑ อาหารที่ทำให้เป็นคำ ๆ ชื่อว่า อาหารรูป ๑ [รูปทั้ง ๑๘ รูปเหล่านี้] ย่อมถึงการนับว่า สภาวรูป สลักขณรูป นิปผันนรูป รูปรูป และสัมมสนรูป ฯ อากาสธาตุ ชื่อว่า ปริจเฉทรูป ๑ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ ชื่อว่า วิญญัติรูป ๑ ความเบาแห่งรูป ความอ่อนแห่งรูป ความควรแก่การงานแห่งรูป และวิญญัติรูปทั้ง ๒ ชื่อว่า วิการรูป ๑ ความเติบโตแห่งรูป ความสืบต่อแห่งรูป ความทรุดโทรมแห่งรูป ความไม่เที่ยงแห่งรูป ชื่อว่า ลักขณรูป ๑ [รวมเป็น ๑๑ อย่างนี้] เฉพาะชาติรูป ท่านเรียกโดยชื่อว่า อุปจยะและสันตติ ในรูปสังคหะนี้ ฉะนี้แล ฯ
คณาจารย์อภิธรรมในประเทศไทย มีพระอาจารย์สัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ เป็นต้นรุ.๒๑ ได้แสดงความหมายของรูปสมุทเทสนัยนั้นไว้ดังต่อไปนี้
เนื้อความตามคาถาสังคหะทั้ง ๒ นั้น แสดงถึงจำนวนรูปธรรมทั้งหมด ซึ่งจำแนกได้เป็น ๒๘ รูป แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ มหาภูตรูป ๔ อุปาทายรูป ๒๔ ได้แก่
นิปผันนรูป ๑๘ คือ มหาภูตรูป ๔ ปสาทรูป ๕ โคจรรูป ๔ หรือวิสยรูป ๗ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ อาหารรูป ๑ รวมเป็นนิปผันนรูป ๑๘
อนิปผันนรูป ๑๐ คือ ปริจเฉทรูป ๑ วิญญัติรูป ๒ วิการรูป ๓ ลักขณรูป ๔ รวมเป็นอนิปผันนรูป ๑๐
รูป ๒๘ นั้น จำแนกเป็นประเภทเล็ก ได้ ๑๑ ประเภท คือ
มหาภูตรูป ๔ คือ ปถวี อาโป เตโช วาโย
ปสาทรูป ๕ คือ จักขุปสาท โสตปสาท ฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท
วิสยรูป ๗ คือ รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ ปถวีโผฏฐัพพารมณ์ เตโชโผฏฐัพพารมณ์ วาโยโผฏฐัพพารมณ์
[โคจรรูป ๔ คือ วัณณะ สัททะ คันธะ รสะ]
ภาวรูป ๒ คือ อิตถีภาวะ ปุริสภาวะ
หทยรูป ๑ คือ หทยวัตถุ
ชีวิตรูป ๑ คือ ชีวิตินทรีย์
อาหารรูป ๑ คือ กพฬีการาหาร
ปริจเฉทรูป ๑ คือ อากาศธาตุ
วิญญัติรูป ๒ คือ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ
วิการรูป ๓ [หรือ ๕] คือ ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา [และกายวิญญัติ วจีวิญญัติ]
ลักขณรูป ๔ คือ อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา