ไปยังหน้า : |
บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่เกิดในปัญจโวการภูมินั้น ปฏิสนธิจิตและกัมมชรูปย่อมเกิดพร้อมกันในปฏิสนธิกาล ส่วนจิตตชรูป อุตุชรูป และอาหารชรูป ยังเกิดไม่ได้ในปฏิสนธิกาล แต่จะเกิดขึ้นหลังจากปฏิสนธิจิตดับลงแล้ว ตั้งแต่จิตดวงที่ ๒ ที่เกิดต่อจากปฏิสนธิจิตนั้น ได้แก่ ปฐมภวังค์ เป็นต้นไป กล่าวคือ
จิตตชรูป คือ รูปที่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐาน ย่อมเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่อุปปาทักขณะของปฐมภวังค์ หลังจากปฏิสนธิจิตดับลงแล้วนั่นแหละ และย่อมเกิดสืบต่อกันไปทุกอุปปาทักขณะของจิตทุกดวง [เว้นทวิปัญจวิญญาณจิต ๑๐ และจุติจิตของพระอรหันต์ ที่ไม่ทำให้จิตตชรูปเกิดขึ้น] ส่วนตรงฐีติขณะและภังคขณะของจิตแต่ละดวงนั้น จิตตชรูปย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจิตและเจตสิกทั้งหลายย่อมมีกำลังมากตรงที่อุปปาทักขณะเท่านั้น
อุตุชรูป คือ รูปที่เกิดจากอุณหภูมิ หรือรูปที่กระทำอุณหภูมิความร้อนหรือความเย็นให้เกิดขึ้นภายในร่างกายของสัตว์ทั้งหลาย อุตุชรูปนี้ย่อมเริ่มต้นเกิดขึ้นที่ฐีติขณะของปฏิสนธิจิต และย่อมเกิดขึ้นเรื่อยไปทุก ๆ อนุขณะของจิต เพราะอุตุชรูปนี้เกิดขึ้นโดยอาศัยอุตุเป็นสมุฏฐาน มิใช่เกิดจากจิตเจตสิกเป็นสมุฏฐาน เพราะฉะนั้น อุตุชรูปนี้จึงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกอนุขณะของจิต แม้สัตว์นั้นจะตายลงแล้วก็ตาม อุตุชรูปก็ยังเกิดได้เรื่อยไป
อาหารชรูป คือ รูปที่เกิดจากอาหารเป็นสมุฏฐาน อาหารชรูปนี้สำหรับสังเสทชะกำเนิดและโอปปาติกะกำเนิดที่เกิดในกามภูมินั้น เมื่อปฏิสนธิเกิดขึ้นในภพใหม่นั้นแล้วย่อมกินอาหารได้ทันที เพราะฉะนั้น อาหารชรูปของบุคคล ๒ จำพวกนี้ จึงเริ่มต้นเกิดขึ้นครั้งแรกที่มโนทวารวิถีเกิดขึ้น ซึ่งเป็นวิถีจิตที่เกิดขึ้นภายหลังจากปฏิสนธิจิตและปฐมภวังคจิตดับไปแล้วนั่นเอง และอาหารชรูปย่อมเกิดขึ้นติดต่อกันไปทุกอนุขณะของจิตเหมือนกันกับอุตุชรูป เพราะอาหารชรูปนี้เกิดขึ้นโดยอาศัยอาหารเป็นสมุฏฐาน ไม่ใช่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐาน อนึ่ง เพราะเหตุที่สัตว์ทั้งหลายมีอาหารชรูปเกิดขึ้นสะสมอยู่ภายในร่างกาย ที่เรียกว่า อัชฌัตตโอชา หรือกัมมชโอชา คือ เป็นโอชาที่เกิดจากกรรมเป็นสมุฏฐาน ซึ่งเป็นพื้นฐานรองรับพหิทธโอชาที่อยู่ภายนอกร่างกาย ที่สัตว์นั้นบริโภคเข้าไปทีหลัง เพราะฉะนั้น อาหารชรูปนี้จึงเกิดได้ทุกอนุขณะของจิตเช่นเดียวกันกับอุตุชรูปดังกล่าวแล้ว
ส่วนพวกคัพภเสยยกะบุคคลนั้น อาหารชรูปย่อมเกิดขึ้นเมื่ออาหารต่าง ๆ ที่มารดาบริโภคเข้าไป และแผ่ซึมซาบเข้าไปในร่างกายของสัตว์ที่อยู่ในครรภ์มารดานั้นแล้ว อนึ่ง ระยะเวลาที่อาหารชรูปเริ่มเกิดขึ้นและแผ่ซึมซาบเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายนั้น ในสัปดาห์แรกที่ยังเป็นกลละอยู่ อาหารยังแผ่ซึมซาบเข้าไปไม่ได้ จนถึงสัปดาห์ที่ ๒ หรือสัปดาห์ที่ ๓ ที่เป็นอัพพุทสัตตาหะ[เป็นหยาดน้ำขุ่นข้นเหมือนน้ำล้างเนื้อ]หรือเปสิสัตตาหะ[เป็นชิ้นเนื้อเหลว ๆ]นั้นแหละ อาหารชรูปจึงจะเริ่มแผ่ซึมซาบเข้าไปสู่ร่างกายของสัตว์นั้นได้ เมื่ออาหารชรูปเกิดขึ้นแล้ว ย่อมเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไปทุกอนุขณะของจิต สมดังที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้ในสคาถวรรค ยักขสังยุตตพระบาลีว่า
ยญฺจสฺส ภุญฺชติ มาตา | อนฺนํ ปานญฺจ โภชนํ | |
เตน โส ตตฺถ ยาเปติ | มาตุกุจฺฉิคโต นโรติรุ.๖๗๒ ฯ |
แปลความว่า
มารดาของทารกนั้น บริโภคอาหารใด ๆ จะเป็นข้าวก็ดี เครื่องดื่มก็ดี ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา อันมีเครื่องหุ้มห่ออยู่นั้น ได้อาศัยอาหารนั้นดำรงอัตภาพให้เป็นไปอยู่ในครรภ์มารดาได้