ไปยังหน้า : |
อรหันตสูตร
[อินทรีย์ ๕ อาศัยผัสสะแล้วทำให้เกิดเวทนา]
ที่มาในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ สุขินทรีย์ ทุกขินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ โทมนัสสินทรีย์ อุเปกขินทรีย์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นมีความสบายกาย ย่อมรู้ชัดว่าสบายกาย ย่อมรู้ชัดว่าเพราะผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ สุขินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไป สงบไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทุกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้น มีความไม่สบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า ไม่สบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ ทุกขินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้นย่อมดับไปสงบไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โสมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้น มีความสบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ โสมนัสสินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไปสงบไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย โทมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุมีความไม่สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า ไม่สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ โทมนัสสินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไป สงบไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุเปกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้น มีความรู้สึกเฉย ๆ ย่อมรู้ชัดว่า รู้สึกเฉย ๆ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ อุเปกขินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไป สงบไป
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนไม้ ๒ อันเสียดสีกัน ทำให้เกิดความร้อน และเกิดลุกเป็นไฟขึ้นมา เมื่อแยกไม้ ๒ อันนั้นให้ออกจากกันเสีย ความร้อนที่เกิดเพราะการเสียดสีกัน ย่อมดับไป สงบไป ฉันใด สุขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้นรู้สึกสบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า สบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะคือสุขินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนาเกิดขึ้นนั้น ย่อมดับไปสงบไป
ทุกขินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้น รู้สึกไม่สบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า ไม่สบายกาย ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะคือทุกขินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไป สงบไป
โสมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้น รู้สึกสบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะคือโสมนัสสินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไป สงบไป
โทมนัสสินทรีย์ย่อมอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้น รู้สึกไม่สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า ไม่สบายใจ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัสสเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะคือโทมนัสสิน ทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัสสเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไป สงบไป
อุเปกขินทรีย์ที่อาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ภิกษุนั้น รู้สึกเฉย ๆ ย่อมรู้ชัดว่า รู้สึกเฉย ๆ ย่อมรู้ชัดว่า เพราะผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนานั้นแหละดับไปแล้ว เวทนาซึ่งเกิดแต่ผัสสะนั้น คือ อุเปกขินทรีย์ซึ่งอาศัยผัสสะอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขาเวทนาเกิดขึ้น ย่อมดับไป สงบไป ฉันนั้น เหมือนกัน