ไปยังหน้า : |
อเหตุกจิต ๑๗ [เว้นหสิตุปปาทจิต ๑] สามารถเกิดได้กับบุคคลทั่วไปทั้งหมด ทั้งปุถุชนและพระเสกขบุคคล ๓ ที่เกิดอยู่ในกามภูมิ ๑๑ [พระอริยบุคคลนั้นไม่มีในอบายภูมิ ๔ มีเฉพาะในกามสุคติภูมิ ๗ เท่านั้น] ที่มีทวารครบทั้ง ๖ ถ้าขาดทวารใด ก็เว้นวิญญาณทางทวารนั้นไป เช่น ตาบอด ก็เว้นจักขุวิญญาณจิต ๒ ไป เป็นต้น
อเหตุกจิตทั้ง ๑๘ สามารถเกิดได้กับพระอรหันต์ที่เกิดอยู่ในกามสุคติภูมิ ๗ ยกเว้นพระอรหันต์ที่สูญเสียทวารนั้น ๆ ไป [ภายหลังจากเกิดมาแล้ว] เช่น ตาบอด มีพระจักขุบาลเถระ เป็นตัวอย่าง ก็เว้นจักขุวิญญาณจิต ๒ ดวงไป ดังนี้เป็นต้น
อเหตุกจิต ๑๑ [เว้นฆานวิญญาณจิต ๒ ชิวหาวิญญาณจิต ๒ กายวิญญาณจิต ๒ หสิตุปปาทจิต ๑] ย่อมเกิดได้กับรูปพรหมทั้งหลาย ที่เป็นปุถุชนและพระเสกขบุคคล ๓ ที่เกิดอยู่ในรูปภูมิ ๑๕ [ตามสมควร คือ พระโสดาบันกับพระสกิทาคามีนั้น มีได้ใน ๑๐ ภูมิ คือ ปฐมฌานภูมิ ๓ ทุติยฌานภูมิ ๓ ตติยฌานภูมิ ๓ เวหัปผลาภูมิ ๑ ส่วนพระอนาคามีนั้น มีได้ทั้ง ๑๕ ภูมิ]
อเหตุกจิต ๑๒ [เว้นฆานวิญญาณจิต ๒ ชิวหาวิญญาณจิต ๒ กายวิญญาณจิต ๒] ย่อมเกิดได้กับรูปพรหมที่เป็นพระอรหันต์ ที่เกิดอยู่ในรูปภูมิ ๑๕ ทั้งหมด
ส่วนบุคคลทั้ง ๕ จำพวก คือ ติเหตุกปุถุชน ๑ และอริยบุคคล ๔ ที่เกิดอยู่ในอรูปภูมิ ๔ นั้น มีอเหตุกจิตเกิดได้เพียง ๑ ดวงเท่านั้น คือ มโนทวาราวัชชนจิต