| |
โลกถูกทำลายด้วยลม   |  

การทำลายโลกด้วยลม ก็เป็นไปเช่นเดียวกันกับการทำลายด้วยไฟและด้วยน้ำนั่นแล ต่างกันแต่ในตอนที่ว่าด้วยดวงอาทิตย์ดวงที่ ๒ เกิดขึ้น เป็นต้น และมหาเมฆทำลายกัปป์ตั้งขึ้นบันดาลให้ฝนตกลงทั่วแสนโกฏิจักรวาลแล้วก็หยุดไป ดังนี้ไม่มี สำหรับในการทำลายโลกด้วยลมนี้ บังเกิดลมทำลายกัปป์ขึ้นแทน ชื่อว่า วาโยสังวัฏฏะ คือ ลมทำลายโลกให้พินาศไป ลมนี้ในชั้นแรกเริ่มพัดเรื่อย ๆ อ่อน ๆ พอพัดธุลีละอองอันละเอียด ๆ ให้ฟุ้งขึ้น แล้วลมนั้นก็ค่อย ๆ พัดแรงกล้าขึ้น พัดเอาก้อนศิลาน้อยใหญ่ พัดถอนต้นไม้น้อยใหญ่ และภูเขาต่าง ๆ ให้เลื่อนลอยไปในอากาศ ไปกระทบกระทั่งกันแหลกละเอียดสูญหายไปในอากาศ จะได้กลับลงมานั้นหามีไม่ ต่อมามีลมจำพวกหนึ่งเกิดจากใต้พื้นแผ่นดิน มีกำลังแรงมาก พัดให้แผ่นดินพลิกขึ้น แล้วก็ซัดขึ้นไปบนอากาศ พื้นพสุธาอันหนาได้ ๒๔๐,๐๐๐ โยชน์นั้นก็แยกออกเป็นท่อน ๆ ท่อนละ ๑๐๐ โยชน์บ้าง ๔๐๐ โยชน์บ้าง กระทบกันแหลกละเอียดเป็นจุณวิจุณไป แล้วพัดเอาภูเขาสัตตบรรพ์คีรี เขาสิเนรุราช เขาหิมพานต์ เขาจักรวาล และอากาศวิมาน กามาวจรเทวโลกในแสนโกฏิจักรวาลให้เลื่อนลอยขึ้นไปกระทบซึ่งกันและกันจนย่อยยับสูญหายไปในอากาศ ลมนั้นจะพัดตั้งแต่มนุษยโลกขึ้นไปจนถึง รูปาวจรตติยฌานภูมิพินาศไปด้วยลมทั้งสิ้น ลมประลัยโลกนี้เมื่อสังหารโลกในเบื้องต่ำตั้งแต่อัชฏากาศขึ้นมาจนล่วงสิ้นพรหมโลก ๙ ชั้น คือ ปฐมฌานภูมิ ๓ ทุติยฌานภูมิ ๓ ตติยฌานภูมิ ๓ แล้วก็หยุดอยู่เพียงนั้น ลมประลัยโลกนี้พัดประหารสรรพสิ่งทั้งปวง จนกระทั่งน้ำรองแผ่นดินและลมรองน้ำให้วินาศสาปสูญไปสิ้น แล้วลมนั้นก็หายสาปสูญสงบไปเอง อากาศเบื้องบนและอากาศเบื้องต่ำก็โล่งตลอดถึงกัน บังเกิดความมืดมนอนธการอยู่ทั่วไป

เมื่อถึงคราวจะตั้งโลกขึ้นใหม่ ก็บังเกิดมีมหาเมฆสำหรับจะให้บังเกิดโลกใหม่ขึ้นแล้วก็ยังห่าฝนให้ตกเต็มไปทั่วแสนโกฏิจักรวาล ให้น้ำท่วมขึ้นไปจนถึงสถานที่ที่พินาศด้วยลม แล้วน้ำนั้นก็ค่อย ๆ แห้งลดลงมาตามลำดับ โลกที่ปรากฏตั้งขึ้นใหม่ก็ตั้งขึ้นตั้งแต่ชั้นสุภกิณณาพรหมลงมาโดยลำดับ สัตว์ที่จะจุติลงมาเกิด ก็จุติจากชั้นเวหัปผลาพรหมต่อ ๆ ลงมา ความต่อจากนี้ไป ก็ดำเนินไปตามนัยที่ได้กล่าวมาแล้วแต่ข้างต้น

กำหนดนับเวลาตั้งแต่กัปปวินาสมหาเมฆตั้งขึ้น จนกระทั่งถึงลมที่ทำลายโลกนั้นสงบลง นี้จัดเป็นอสงไขยที่ ๑ ชื่อว่า วาโยสังวัฏฏอสงไขยกัปป์ ตั้งแต่ลมสงบจนกระทั่งถึงฝนตกเต็มในสถานที่ที่ลมทำลาย นี้จัดเป็นอสงไขยที่ ๒ ชื่อว่า วาโยสังวัฏฏฐายีอสงไขยกัปป์ ตั้งแต่มหาเมฆตกลงมาน้ำท่วมเต็มที่จนกระทั่งบังเกิดมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ นี้จัดเป็นอสงไขยที่ ๓ ชื่อว่า วิวัฏฏอสงไขยกัปป์ ตั้งแต่บังเกิดดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นต้นมา จนกระทั่งบังเกิดกัปปวินาสมหาเมฆตั้งขึ้นอีก นี้จัดเป็นอสงไขยที่ ๔ ชื่อว่า วิวัฏฏฐายีอสงไขยกัปป์

อสงไขยกัปป์ทั้ง ๔ นี้ มีระยะเวลานานเท่า ๆ กัน คือ อสงไขยกัปป์หนึ่ง ๆ ถ้าจะนับเข้าด้วยอันตรกัปป์นั้นนับได้ ๖๔ อันตรกัปป์ รวมทั้ง ๔ อสงไขยกัปป์ ได้อันตรกัปป์ทั้งหมด ๒๕๖ อันตรกัปป์ นับเป็น ๑ มหากัปป์รุ.๗๐๖


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |