ไปยังหน้า : |
(๑) สมฺมาสมฺพุทฺธมตุลํ | สสทฺธมฺมคณุตฺตมํ | |
อภิวาทิย ภาสิสฺสํ | อภิธมฺมตฺถสงฺคหํ ฯ |
ข้าพระพุทธเจ้า [พระอนุรุทธาจารย์] ขอนอบน้อมถวายอภิวันทนาการแด่พระพุทธองค์ ผู้ตรัสรู้เญยยธรรมทั้งหลายเอง ไม่มีผู้เปรียบปาน พร้อมด้วยพระสัทธรรม และคณะพระอริยสงฆ์เจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้อุดมแล้ว จักแต่งคัมภีร์ที่มีนามว่า อภิธัมมัตถสังคหะ ต่อไป
(๒) ตตฺถ วุตฺตาภิธมฺมตฺถา | จตุธา ปรมตฺถโต | |
จิตฺตํ เจตสิกํ รูปํ | นิพฺพานมิติ สพฺพถา ฯ |
ในคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะนั้น เมื่อว่าโดยปรมัตถธรรมแล้ว ไม่ว่าโดยประการใด ๆ ย่อมมีเนื้อความแห่งพระอภิธรรมอยู่เพียง ๔ ประการเท่านั้น คือ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน
(๓) กาเม เตวีส ปากานิ | ปุญฺาปุญฺานิ วีสติ | |
เอกาทส กฺริยา เจติ | จตุปญฺาส สพฺพถา ฯ |
จิตที่ท่องเที่ยวเกิดอยู่ในกามภูมิ ๑๑ เป็นส่วนมากนี้ เมื่อรวบรวมทั้งหมดแล้ว มีจำนวน ๕๔ ดวง คือวิปากจิต ๒๓ กุศลจิตและอกุศลจิต รวม ๒๐ ดวง กิริยาจิต ๑๑ ดวง
(๔) อฎฺธา โลภมูลานิ | โทสมูลานิ จ ทฺวิธา | |
โมหมูลานิ จ เทฺวติ | ทฺวาทสากุสลา สิยุ ฯ |
โลภมูลจิต มี ๘ ดวง โทสมูลจิต มี ๒ ดวง โมหมูลจิต ก็มี ๒ ดวง รวมจิต ๑๒ ดวงนี้ เป็นอกุศลจิต
(๕) สตฺตากุสลปากานิ | ปุญฺปากานิ อฎฺธา | |
กฺริยาจิตฺตานิ ตีณีติ | อฎฺารส อเหตุกา ฯ |
อกุศลวิปากจิต มี ๗ ดวง อเหตุกกุศลวิปากจิต มี ๘ ดวง อเหตุกกิริยาจิต มี ๓ ดวง รวมจิต ๑๘ ดวงนี้ เป็นอเหตุกจิต.
(๖) ปาปาเหตุกมุตฺตานิ | โสภณานีติ วุจฺจเร | |
เอกูนสฎฺ จิตฺตานิ | อเถกนวุตีปิ วา ฯ |
จิต ๕๙ หรือ ๙๑ ดวง ที่นอกจากอกุศลจิตและอเหตุกจิตนั้น เรียกว่า โสภณจิต
(๗) เวทนาาณสงฺขาร- | เภเทน จตุวีสติ | |
สาเหตุกามาวจร- | ปุญฺาปากกฺริยา มตา ฯ |
จิต ๒๔ ดวง เมื่อกล่าวโดยประเภทแห่งเวทนา ญาณ และสังขารแล้ว เรียกว่า สเหตุกกามาวจรกุศลจิต สเหตุกกามาวจรวิปากจิต สเหตุกกามาวจรกิริยาจิต
(๘) ปญฺจธา ฌานเภเทน | รูปาวจรมานสํ | |
ปุญฺาปากกฺริยาเภทา | ตํ ปญฺจทสธา ภเว ฯ |
รูปาวจรจิต เมื่อว่าโดยประเภทแห่งฌานแล้ว มี ๕ ประการ เมื่อจำแนกโดยกุศล วิบาก กิริยา แล้ว มี ๑๕ ดวง
(๙) อาลมฺพณปฺปเภเทน | จตุธารุปฺปมานสํ | |
ปุญฺปากกฺริยาเภทา | ปน ทฺวาทสธา ตํ ฯ |
อรูปาวจรจิต เมื่อว่าโดยประเภทแห่งอารมณ์แล้ว มี ๔ ประการ เมื่อจำแนกโดยกุศล วิบาก กิริยา แล้วมี ๑๒ ดวง
(๑๐) จตุมคฺคปฺปเภเทน | จตุธา กุสลนฺตถา | |
ปากนฺตสฺส ผลตฺตาติ | อฎฺธานุตฺตรํ มตํ ฯ |
นักศึกษาทั้งหลายพึงทราบว่า โลกุตตรจิตโดยย่อ มี ๘ ดวง คือ กุศลจิตว่าโดยประเภทแห่งมรรคจิต มี ๔ ดวง วิปากจิต ก็มี ๔ ดวง เพราะเป็นผลของมรรคจิตทั้ง ๔ ดวงนั้น
(๑๑) จตุปญฺาสธา กาเม | รูเป ปณฺณรสีริเย | |
จิตฺตานิ ทฺวาทสารูเป | อฎฺธานุตฺตเร ตถา ฯ |
โลกุตตรจิต ๘ เมื่อแสดงโดยพิสดารแล้ว มีถึง ๔๐ ดวงนั้น เพราะเมื่อว่าโดยประเภทแห่งการประกอบขององค์ฌานแล้ว โลกุตตรจิตดวงหนึ่ง ๆ มี ๕ ฉะนั้น โลกุตตรจิต จึงมี ๔๐ ดวง
(๑๒) ฌานงฺคโยคเภเทน | กเตฺวเกกนฺตุ ปญฺจธา | |
วุจฺจตานุตฺตรํ จิตฺตํ | จตฺตาฬีสวิธนฺติ จ ฯ |
นับจำนวนจิต ๘๙ โดยประเภทแห่งชาติแล้ว มีดังนี้ อกุศลจิต มี ๑๒ ดวง กุศลจิต มี ๒๑ ดวง วิปากจิต มี ๓๖ ดวง และกิริยาจิต มี ๒๐ ดวง
(๑๓) ทฺวาทสากุสลาเนวํ | กุสลาเนกวีสติ | |
ฉตฺตึเสว วิปากานิ | กฺริยาจิตฺตานิ วีสติ ฯ |
นักศึกษาทั้งหลาย พึงนับจำนวนจิต ๘๙ โดยประเภทแห่งภูมิทั้ง ๔ ดังนี้ จิตที่สงเคราะห์เข้าในกามาวจรภูมิ มี ๕๔ ดวง จิตที่สงเคราะห์เข้าในรูปาวจรภูมิ มี ๑๕ ดวง จิตที่สงเคราะห์เข้าในอรูปาวจรภูมิมี ๑๒ ดวงจิตที่สงเคราะห์เข้าในโลกุตตรภูมิ มี ๘ ดวง
(๑๔) ยถา จ รูปาวจรํ | คยฺหตานุตฺตรํ ตถา | |
ปมาทิชฺฌานเภเท | อารุปฺปปญฺจาปิ ปญฺจเม ฯ |
รูปาวจรจิต นับสงเคราะห์เข้าในฌานทั้ง ๕ ประเภท มีปฐมฌาน เป็นต้นได้ ฉันใด โลกุตตรจิต ก็นับสงเคราะห์ในฌานทั้ง ๕ มีปฐมฌาน เป็นต้นได้ฉันนั้น ส่วนอรูปาวจรจิต ๑๒ ดวงนั้น นับสงเคราะห์เข้าในปัญจมฌานทั้งหมด
(๑๕) เอกาทสวิธํ ตสฺมา | ปมาทิกมีริตํ | |
ฌานเมเกกมนฺเตตุ | เตวีสติวิธํ ภเว ฯ |
เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ฌานจิตอันหนึ่ง ๆ มีปฐมฌาน เป็นต้นมี ๑๑ ดวง ส่วนปัญจมฌานจิตนั้น มี ๒๓ ดวง
(๑๖) อิตฺถเมกูนนวุติปฺ - | ปเภทํ ปน มานสํ | |
เอกวีสสตํ วาถ | วิภชนฺติ วิจกฺขณา ฯ |
จิตทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว มีการนับเป็น ๒ ประเภท คือ นับจิตโดยย่อ มี ๘๙ ดวงประเภทหนึ่ง นับจิตโดยพิสดาร มี ๑๒๑ ดวง ประเภทหนึ่ง
(๑๗) สตฺตตึสวิธํ ปุญฺ | ทฺวิปญฺาสวิธนฺตถา | |
ปากมิจฺจาหุ จิตฺตานิ | เอกวีสสตมฺพุธาติ ฯ |
กุศลจิต ๓๗ และวิปากจิต ๕๒ ดวงนี้ บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นการกล่าวถึงจิตโดยพิสดาร
จบคาถาสังคหะและคำแปล
อภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๑