| |
เหตุให้เกิดโยนิโสมนสิการ ๕ ประการ   |  

การที่บุคคลจะเกิดความคิดเห็นที่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม หรือตามหลักวัฒนธรรมจารีตประเพณีอันดีงามและหลักศาสนาที่ถูกต้อง ที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ได้นั้น ย่อมมีเหตุปัจจัยสนับสนุน ๕ ประการ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง กล่าวคือ

๑. บุพเพกตปุญญตา การเป็นผู้ได้เคยสั่งสมบุญไว้ในปางก่อน หมายความว่า เมื่อบุคคลได้สั่งสมบุญเกี่ยวกับเรื่องของปัญญาไว้ในปางก่อน [ทั้งในชาติก่อนก็ดี และในเวลาก่อน ๆ ในภพชาติปัจจุบันนี้ก็ดี] แล้ว ย่อมเป็นผู้มีความคิดความเห็นเป็นไปในทางที่เป็นสัมมาทิฏฐิ แม้จะเกิดในตระกูลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือ เกิดในครอบครัวคนป่าคนดอย ที่ห่างไกลจากความเจริญ ห่างไกลจากหลักของศาสนา หรือแม้แต่เกิดเป็นอบายสัตว์ คือ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน เทวดา มาร พรหม ก็ตาม ย่อมเป็นผู้ที่มีจิตสำนึกที่ดีฝังติดอยู่ในขันธสันดาน ย่อมน้อมจิตไปในการกระทำที่ดีได้ เช่น เด็กบางคนเกิดในตระกูลมิจฉาทิฏฐิ แต่ไม่ได้มีความคิดความเห็นไปในทางมิจฉาทิฏฐินั้นด้วย เมื่อได้เหตุปัจจัยที่สัมมาทิฏฐิเปิดโอกาสให้แล้ว ย่อมสามารถเกิดสัมมาทิฏฐิได้ หรือสัตว์เดรัจฉานที่มีความกตัญญูต่อเจ้าของ หรือมีความรักความเอื้อเฟื้อในหมู่สัตว์ด้วยกัน สัตว์นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน ที่มีจิตยินดีในการกุศล หรือพิจารณาเห็นโทษของวิบากกรรมที่ตนเองได้รับอยู่ เป็นต้น โดยไม่มีใครบอกหรือแนะนำสั่งสอนมาก่อน ฉะนั้น บุพเพกตปุญญตานี้จึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้บุคคลนั้น ๆ เกิดโยนิโสมนสิการได้

๒. ปฏิรูปเทสวาโส การได้อยู่ในประเทศที่สมควร หมายความว่า การที่บุคคลนั้น ๆ ได้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม มีวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงาม มีการศึกษาเล่าเรียนที่เป็นไปโดยถูกต้องตามทำนองคลองธรรมอันดี มีหลักศาสนาที่ดีงาม ผู้ปกครองบ้านเมืองเป็นสัมมาทิฏฐิ หรือครอบครัวและสังคมรอบข้างเป็นสัมมาทิฏฐิ ถึงแม้บุคคลนั้น จะยังไม่มีความเป็นสัมมาทิฏฐิก็ตาม หรือมีความเป็นสัมมาทิฏฐิอยู่แล้ว ด้วยอำนาจบุพเพกตปุญญตาที่ได้ทำบุญไว้ในปางก่อนก็ตาม เมื่อได้พบเห็นความประพฤติปฏิบัติของบุคคลรอบข้างในสังคมนั้น ๆ ที่ตนมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิด หรือมีโอกาสได้ประสบพบเห็นบ่อย ๆ ย่อมจะเกิดความคิดที่เป็นสัมมาทิฏฐิไปตามได้ ฉะนั้น การอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม ที่เรียกว่า ปฏิรูปเทส นั้น ย่อมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโยนิโสมนสิการได้อีกอย่างหนึ่ง

๓. สัปปุริสูปนิสสโย การได้คบหาสมาคมกับสัตบุรุษ หมายความว่า การที่บุคคลมีโอกาสได้เข้าไปคบหาสมาคม เข้าไปนั่งใกล้ เข้าไปอุปัฏฐากรับใช้ช่วยเหลือเกื้อกูล การสนทนาปราศรัย การสอบถาม เป็นต้น กับสัตบุรุษ ตามความเหมาะสมแก่ฐานะของสัตบุรุษนั้น ถึงแม้ตนเองจะไม่ใช่สัตบุรุษ แต่เมื่อได้คบหาสมาคม ได้ใกล้ชิดอยู่เสมอแล้ว ย่อมได้เห็นตัวอย่างหรือแบบแผนที่ดีงามต่าง ๆ ในตัวของสัตบุรุษ แล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา เห็นคุณค่าของการกระทำความดี จิตใจย่อมน้อมไปในสิ่งที่ดีได้ เช่น บุคคลบางคนผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือเป็นบุคคลกลาง ๆ ยังไม่ได้เป็นมิจฉาทิฏฐิหรือสัมมาทิฏฐิ แต่เมื่อได้ประสบพบเห็น หรือ ได้คบหาสมาคม ได้ใกล้ชิดกับสัตบุรุษอยู่เสมอ ๆ ก็สามารถรับรู้และเข้าใจในหลักความเป็นจริงของสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น สามารถคิดพิจารณาโดยเหตุและผลของสิ่งนั้น ๆ ให้เห็นไปในทางสัมมาทิฏฐิ และสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องได้ในที่สุด คือ สามารถเป็นสัตบุรุษได้ด้วยตนเอง

๔. สัทธัมมัสสวนัง การได้ฟังสัทธรรมคำสอนจากสัตบุรุษ หมายความว่า เมื่อบุคคลได้อยู่ในสภาพแวดล้อมสภาพสังคมที่ดีงาม หรือได้คบหาสมาคม ได้เข้าไปนั่งใกล้ ได้สนทนาปราศรัย ได้สอบถามความรู้กับสัตบุรุษ หรือได้ศึกษาเล่าเรียนหลักของศาสนา หลักวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามอยู่เสมอ ย่อมเกิดองค์ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ในสิ่งที่ได้พบเห็น หรือที่ได้ศึกษาเล่าเรียน ได้รับฟังมานั้น สามารถใช้วิจารณญาณในการพินิจพิจารณาเหตุผลของสิ่งนั้น ๆ ได้ ทำให้รู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ เป็นต้น แล้วเลือกสรรแนวทางของชีวิตได้ถูกต้อง สามารถดำเนินชีวิตไปในทางที่ดีงามได้ เพราะฉะนั้น การได้ฟังพระสัทธรรมคำสอนของสัตบุรุษ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโยนิโสมนสิการได้ อีกประการหนึ่ง

๕. อัตตสัมมาปณิธิ การตั้งตนไว้ในทางที่ชอบ หมายความว่า เมื่อบุคคลตั้งตนไว้ในทางที่ชอบ ที่เหมาะสม วางตัวไว้ดี เป็นคนไม่หัวดื้อถือรั้นด้วยอำนาจมานะทิฏฐิ ไม่เกะกะเกเร ไม่มีมารยาสาไถย เป็นผู้น่ารักน่าเอ็นดู หรือน่าเคารพยำเกรง เมื่อบุคคลอื่นพบเห็นแล้ว ทำให้เกิดความรักใคร่ ความคุ้นเคย ความเอ็นดู น่าคบหาสมาคมด้วย หรือน่าเคารพยำเกรง เมื่อมีความรู้หรือข้อคิดเห็นใด ๆ ก็นำมาบอกมาสอน มาแนะนำตักเตือน ชี้แนะ หรือ แสดงข้อคิดความเห็นแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นต้น บุคคลนั้นก็ยอมรับฟังด้วยดี โดยเหตุผล ทำให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง สิ่งใดได้เคยฟังแล้วแต่ยังไม่เข้าใจชัดเจน ย่อมเข้าใจสิ่งนั้นชัดเจนขึ้น ย่อมบรรเทาความสงสัยในสิ่งต่าง ๆ ได้ ย่อมทำความเห็นให้ถูกต้องยิ่งขึ้นไป ย่อมทำให้จิตใจผ่องใสขึ้น และสามารถนำความรู้ที่ได้ยินได้ฟังมานั้นไปคิดพิจารณาให้รอบคอบว่า ผิดหรือถูก ควรหรือไม่ควร เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์อย่างไร แล้วเลือกสรรถือเอาแต่สิ่งที่เป็นสาระ ละทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นสาระเสีย ย่อมทำตนให้มีสาระอยู่เสมอ ดำเนินชีวิตไปสู่หนทางที่ถูกต้องได้ ฉะนั้น การตั้งตนไว้ในทางที่ชอบ ที่เรียกว่า อัตตสัมมาปณิธิ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโยนิโสมนสิการได้ อีกประการหนึ่ง

เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดโยนิโสมนสิการทั้ง ๕ ประการนี้ สามารถเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องกัน คือ เมื่อบุคคลได้ทำบุญไว้ในปางก่อน ที่เรียกว่า บุพเพกตปุญญตา แล้ว บุญนั้นย่อมชักนำบุคคลนั้นให้ได้เกิดในประเทศที่สมควร หรือให้ได้ไปอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม ที่เรียกว่า ปฏิรูปเทสวาสะ เมื่อได้เกิดหรือได้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมแล้ว โอกาสที่จะได้พบเห็นสัตบุรุษก็มีได้มาก เพราะสัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมเลือกสถานที่อยู่ที่เหมาะสมเป็นปฏิรูปเทส เมื่อได้พบเห็นสัตบุรุษแล้ว ด้วยอัธยาศัยที่น้อมไปในสิ่งที่ดีงามที่ตนได้ทำบุญไว้ในปางก่อน ย่อมมีจิตนิยมชมชอบในแนวทางความประพฤติปฏิบัติของสัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมเข้าไปคบหาสมาคม เข้าไปนั่งใกล้ เข้าไปอุปัฏฐากรับใช้ เข้าไปสนทนาปราศรัย แลกเปลี่ยนความรู้ สอบสวนทวนถามข้ออรรถข้อธรรมต่าง ๆ เป็นต้น ตามสมควรแก่ฐานะของสัตบุรุษนั้น ๆ ที่เรียกว่า สัปปุริสูปนิสสยะ เมื่อได้คบหาสมาคมกับสัตบุรุษดังกล่าวแล้ว ปกติของสัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมแนะนำสั่งสอน หรือให้ข้อคิดเห็นในทางที่ดีงาม สนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ ด้วยอัธยาศัยที่เอื้อเฟื้อ ด้วยเมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม และเมตตามโนกรรม ปรารถนาประโยชน์และความสุขความเจริญแก่บุคคลอื่นเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว ทำให้บุคคลนั้นมีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรม ที่เรียกว่า สัทธัมมัสสวนะ เมื่อบุคคลนั้นมีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรมคำสอนที่ดีงามและถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมแล้ว ย่อมได้รู้ได้เข้าใจว่า อะไรถูก อะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร อะไรเป็นประโยชน์ อะไรไม่เป็นประโยชน์ เป็นต้น ย่อมเกิดปัญญาพิจารณาเลือกสรรถือเอาแต่สิ่งที่เป็นแก่นสาร ปฏิบัติอยู่แต่ในทางที่ถูกต้อง แล้วละทิ้งสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสารเสีย ย่อมตั้งตนไว้ในทางที่ชอบประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ ที่เรียกว่า อัตตสัมมาปณิธิ ชีวิตของบุคคลนั้น ย่อมดำเนินไปในทางที่ดีงาม ย่อมยังประโยชน์ ๓ ประการให้สำเร็จได้ คือ ทิฏฐธัมมิกัตถะ ประโยชน์ในโลกนี้ ๑ สัมปรายิกัตถะ ประโยชน์ในโลกหน้า ๑ และปรมัตถะ ประโยชน์อย่างยิ่งคือพระนิพพาน ๑ ด้วยเหตุนี้ โยนิโสมนสิการ จึงเป็นคุณประโยชน์แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของพรหมจรรย์ ที่จะทำให้บริสุทธิ์หมดจดถึงที่สุดได้


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |