ไปยังหน้า : |
ในคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะและปรมัตถทีปนีรุ.๔๖๙ ได้แสดงสรุปความหมายของรูป ๒๘ ไว้ดังต่อไปนี้
พระอนุรุทธาจารย์ได้แสดงสรุปรูปเป็น ๑๑ ประเภท โดยองค์ธรรมด้วยคาถาว่า “ภูตปฺปสาทวิสยา” เป็นต้น เพราะรูป ๒๘ ประการที่มีอยู่ในรูป ๑๑ ประเภทนั้นปรากฏชัดตามข้อความที่กล่าวมาแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า อฏฺารสวิธํ [รูป ๑๘ ประการ] ดังนี้
มหาภูตรูป ๔ ปสาทรูป ๕ โคจรรูป ๔ โดยไม่นับซ้ำกัน ภาวรูป ๒ และหทยรูป ๑ รูป ๑๖ ประการดังกล่าว พร้อมด้วยชีวิตรูปและอาหารรูป รวมเป็นรูป ๑๘ ประการเช่นเดียวกันนี้ อนิปผันนรูป ๑๐ คือ ปริจเฉทรูป ๑ วิญญัติรูป ๒ วิการรูป ๓ โดยไม่นับซ้ำกัน [กับวิญญัติรูป ๒] และลักขณรูป ๔ โดยประการดังนี้ รูปมี ๒๘ ประการโดยองค์ธรรม
ในบรรดารูปเหล่านี้ รูปชนิดหลัง ๑๐ ประการไม่ถูกปัจจัยทำให้เกิดขึ้น เพราะไม่มีจริงโดยสภาวะ จึงชื่อว่า อนิปผันนรูป
อีกนัยหนึ่ง อนิปผันนรูปที่แสดงไว้โดยย่อและโดยพิสดารในพระอภิธรรมนั้น ไม่ควรกล่าวว่า ไม่เกิดขึ้นโดยสภาวะ หรือไม่มีจริงโดยปรมัตถ์ เพราะมีอยู่โดยลักษณะปรมัตถ์ที่สำเร็จโดยความเป็นสภาวธรรมล้วน ๆ เช่นนั้น โดยล่วงความสำเร็จด้วยบัญญัติ มิฉะนั้นแล้ว แม้พระนิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ซึ่งปราศจากลักษณะคือการเกิดขึ้น ก็ชื่อว่า ไม่มีอยู่โดยสภาวะ และไมีมีจริงโดยปรมัตถ์ เพราะเหตุนั้น รูป ๑๐ ประการนี้ จึงชื่อว่า อนิปผันนรูป เพราะปราศจากลักษณะคือการเกิดขึ้น หาใช่เพราะไม่มีอยู่โดยสภาวะไม่ ข้อความดังกล่าว ย่อมสมควร
ในคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะและอภิธัมมัตถวิภาวินีรุ.๔๗๐ ท่านได้แสดงสรุปความเรื่องรูปสมุทเทสนัยไว้ดังต่อไปนี้
บทว่า เอกาทสวิธมฺปิ ความว่า แม้มี ๑๑ ประการ ด้วยอำนาจการสงเคราะห์รูปที่เป็นสภาคกัน
รูปมี ๒๘ รูป คือ รูปเป็น ๑๘ อย่าง กับชีวิตรูป และอาหารรูป ๒ อย่างนี้ คือ ภูตรูป [มหาภูตรูป] ๔ ปสาทรูป ๕ วิสยรูป ๔ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑ [ชื่อว่า นิปผันนรูป] และรูปปวัตติทั้ง ๑๐ ที่ชื่อว่า อนิปผันนรูป เพราะรูปทั้งหลายไม่เกิดจากปัจจัยแผนกหนึ่ง เว้นความเป็นปริจเฉทรูปและวิการรูป เป็นต้นเสีย เหล่านี้คือ ปริจเฉทรูป ๑ วิญญัติรูป ๒ วิการรูป ๓ ลักขณรูป ๔
อาจารย์วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี อดีตประธานมูลนิธิแนบ มหานีรานนท์รุ.๔๗๑ ได้แสดงสรุปความในเรื่องรูปสมุทเทสนัยไว้ดังต่อไปนี้
ในรูปสมุทเทสนัยที่กล่าวมานี้ ว่าโดยประเภทเล็ก มี ๑๑ ประเภท ว่าประเภทใหญ่มี ๒ ประเภท ว่าโดยจำนวนรูปทั้งหมด มี ๒๘ รูป
สรุปเอาใจความแล้ว ในลักขณรูป ๔ ก็มีอยู่ ๓ อย่างเท่านั้น คือ มีลักษณะที่เกิดขึ้น ลักษณะที่ตั้งอยู่ และลักษณะที่ดับลง อุปจยะและสันตติรวมอยู่ในความเกิด ชรตารูปอยู่ในความตั้งอยู่ และอนิจจตารูปอยู่ในความดับ
ลักขณรูปนี้ เป็นรูปที่แสดงสามัญญลักษณะของนิปผันนรูป ที่จะส่องให้วิปัสสนาปัญญาเห็นความเป็นไตรลักษณ์ได้
บทสรุปของผู้เขียน :
ในหมวดรูปสมุทเทสนัย คือ นัยที่ว่าด้วยการแสดงสภาวะของรูปธรรมโดยพิสดารนั้น สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
ในรูป ๒๘ นั้น เมื่อจำแนกโดยประเภทเล็ก มี ๑๑ ประเภท แต่เมื่อจำแนกโดยประเภทใหญ่แล้ว มี ๒ ประเภท กล่าวคือ
รูปประเภทเล็ก ๑๑ ประเภท ได้แก่
๑. มหาภูตรูป ๔ ได้แก่ ปถวี อาโป เตโช วาโย
๒. ปสาทรูป ๕ ได้แก่ จักขุปสาท โสตปสาท ฆานปสาท ชิวหาปสาท กายปสาท
๓. โคจรรูป ๔ ได้แก่ วัณณะ สัททะ คันธะ รสะ
๔. ภาวรูป ๒ ได้แก่ อิตถีภาวะ ปุริสภาวะ
๕. หทยรูป ๑ ได้แก่ หทยวัตถุ
๖. ชีวิตรูป ๑ ได้แก่ รูปชีวิตินทรีย์
๗. อาหารรูป ๑ ได้แก่ กัมมชโอชา
๘. ปริจเฉทรูป ๑ ได้แก่ อากาสธาตุที่คั่นระหว่างรูปกลาปต่อรูปกลาป
๙. วิญญัติรูป ๒ ได้แก่ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ
๑๐. วิการรูป ๓ ได้แก่ ลหุตา มุทุตา กัมมัญญตา
๑๑. ลักขณรูป ๔ ได้แก่ อุปจยะ สันตติ ชรตา อนิจจตา
รูปประเภทใหญ่ ๒ ประเภท ได้แก่
๑. นิปผันนรูป หมายถึง รูปที่มีสภาวลักษณะเป็นของตนเอง เรียกว่า รูปปรมัตถ์แท้ มี ๑๘ รูป ได้แก่ มหาภูตรูป ๔ ปสาทรูป ๕ โคจรรูป ๔ ภาวรูป ๒ หทยรูป ๑ ชีวิตรูป ๑ และอาหารรูป ๑
๒. อนิปผันนรูป หมายถึง รูปที่ไม่มีสภาวลักษณะเป็นของตนเองโดยเฉพาะ เป็นแต่เพียงอาการของนิปผันนรูปเท่านั้น เรียกว่า รูปปรมัตถ์เทียม มี ๑๐ รูป ได้แก่ ปริจเฉทรูป ๑ วิญญัติรูป ๒ วิการรูป ๓ และลักขณรูป ๔