| |
บุคคล ๘ จำพวก   |  

สภาพบุคคล ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องจิต เจตสิก รูป และภพภูมิต่าง ๆ นั้น มี ๘ จำพวกโดยสรุป คือ

๑. ทุคติอเหตุกบุคคล ได้แก่ บุคคลผู้ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณอกุศลวิปากจิต ๑ เป็นอบายสัตว์ทั้ง ๔ ภูมิ คือ นรก เปรต อสุรกาย และเดรัจฉาน

๒. สุคติอเหตุกบุคคล ได้แก่ บุคคลผู้ปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณกุศลวิปากจิต ๑ เป็นมนุษย์ ที่ไม่สมประกอบทางด้านจิตใจ หรือทั้งร่างกายและจิตใจ เช่น ง่อย เปลี้ย บ้า ใบ้ บอด หนวก แต่กำเนิด และเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ ที่เป็นจำพวกเทวดาชั้นต่ำ อับรัศมี ไม่ค่อยมีความสุขสบายเหมือนเทวดาทั่วไป และเป็นพวกอสัญญสัตตพรหม ๑ ที่ชื่อว่า สุคติอเหตุกบุคคล เพราะพวกอสัญญสัตตพรหมไม่มีจิตและเจตสิกเกิดเลย ตัวเหตุทั้ง ๖ คือ โลภะ โทสะ โมหะ อโลภะ อโทสะ อโมหะ คือ เจตสิกนั้นเอง เมื่อเจตสิกเหล่านี้ไม่เกิดแล้ว ชื่อว่า ไม่มีเหตุเกิด แต่พวกอสัญญสัตตพรหมนั้น เป็นบุคคลที่เกิดในสุคติภูมิ ฉะนั้น จึงเรียกว่า สุคติอเหตุกบุคคล ด้วย

๓. ทวิเหตุกบุคคล ได้แก่ บุคคลผู้ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากญาณวิปปยุตตจิต ๔ ดวงใดดวงหนึ่ง เป็นมนุษย์ หรือเทวดา ๖ ชั้น แต่เป็นผู้ที่ไม่มีปัญญาเกิดมาพร้อมกับกำเนิด เรียกว่า สชาติกปัญญา ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่สามารถทำฌาน อภิญญา สมาบัติ มรรค ผล ให้เกิดในภพปัจจุบันนั้นได้

๔. ติเหตุกบุคคล ได้แก่ บุคคลผู้ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากญาณสัมปยุตตจิต ๔ รูปาวจรวิปากจิต ๕ และอรูปาวจรวิปากจิต ๔ เป็นมนุษย์ เทวดา และเกิดเป็นพรหม ๑๙ ชั้น [เว้นอสัญญสัตตพรหม] เป็นผู้เกิดมาพร้อมด้วยปัญญา เรียกว่า สชาติกปัญญา ถ้าเป็นผู้มีบารมีเต็มพร้อมแล้ว ย่อมสามารถทำฌาน อภิญญา สมาบัติ มรรค ผล ให้เกิดได้ในภพปัจจุบันนั้น

บุคคล ๔ จำพวกนี้ มุ่งหมายเอาบุคคลที่เป็นปุถุชน เรียกว่า ปุถุชน ๔

๕. พระโสดาบันบุคคล ได้แก่ ติเหตุกบุคคลที่เป็นปุถุชนนั่นแหละ ซึ่งเป็นผู้มีบุญญาธิการในมรรคและผล ได้ทำการเจริญวิปัสสนา หรือ ได้เจริญองค์มรรค ๘ จนได้บรรลุโสดาปัตติมรรคและโสดาปัตติผล

๖. พระสกิทาคามีบุคคล ได้แก่ พระโสดาบันบุคคลนั่นแหละ ที่ได้ทำการเจริญวิปัสสนาหรือได้เจริญองค์มรรค ๘ ต่อไปอีกจนได้บรรลุสกิทาคามิมรรคและ สกิทาคามิผล

๗. พระอนาคามีบุคคล ได้แก่ พระสกิทาคามีบุคคลนั่นแหละ ได้ทำการเจริญวิปัสสนา หรือ ได้เจริญองค์มรรค ๘ ต่อไปอีก จนได้บรรลุอนาคามิมรรคและอนาคามิผล

๘. พระอรหันตบุคคล ได้แก่ พระอนาคามีบุคคลนั่นแหละได้ทำการเจริญวิปัสสนา หรือ ได้เจริญองค์มรรค ๘ ต่อไปอีก จนได้บรรลุอรหัตตมรรคและอรหัตตผล

บุคคล ๔ จำพวกที่กล่าวมา [ข้อ ๕ -๘] นี้ เรียกว่า พระอริยบุคคล ๔ ได้แก่ บุคคลที่ปฏิสนธิด้วยติเหตุกปฏิสนธิจิต ๑๓ ดวง คือ มหาวิปากญาณสัมปยุตตจิต ๔ รูปาวจรวิปากจิต ๕ อรูปาวจรวิปากจิต ๔ ดวงใดดวงหนึ่ง

ส่วนบุคคล ๑๒ จำพวกนั้น จำแนกพระอริยบุคคลออกไปเป็น ๘ จำพวก ตามมรรคและผล คือ มรรคบุคคล ๔ ผลบุคคล ๔ แต่มรรคบุคคลนั้น เป็นอยู่เพียง ๑ ขณะจิตเดียวที่มรรคจิตนั้น ๆ เกิดเท่านั้น ต่อจากนั้น ก็กลายเป็นผลบุคคล ซึ่งเมื่อกล่าวโดยสภาพที่เป็นอยู่ในโลกโดยทั่วไปแล้ว มรรคบุคคลจึงไม่มีความต่างออกไปจากผลบุคคล หมายความว่า เป็นคน ๆ เดียวกันนั่นเอง


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |