| |
บทสรุปเรื่องความเป็นไปของสมุฏฐานิกรูปทั้ง ๔   |  

จากเนื้อความที่ได้แสดงมาแล้ว ในเรื่องรูปปวัตติกกมนัย คือ ความเป็นไป กล่าวคือ ความเกิดขึ้นและความดับไปของรูปที่เกิดจากสมุฏฐานทั้ง ๔ ในเบื้องต้นโดยลำดับมานั้น ผู้เขียนจึงสรุปความโดยสังเขปในเรื่องนี้ได้ดังต่อไปนี้

๑. กัมมรูปนั้น เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายที่อุปปาทักขณะของจิตที่นับถอยหลังจากจุติจิตขึ้นไป ๑๗ ขณะ เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ฐีติขณะของจิตดวงที่ ๑๗ ที่นับถอยหลังจากจุติจิตขึ้นไปนั้น [เท่ากับ ๕๐ อนุขณะของจิตก่อนตาย] กัมมชรูปใหม่ย่อมไม่เกิดขึ้นอีกเลย และกัมมชรูปที่เกิดขึ้นที่อุปปาทักขณะของจิตดวงที่ ๑๗ นั้น ย่อมตั้งอยู่ได้จนถึงจุติจิต แล้วก็ดับลงพร้อมกันกับจุติจิตนั้นพอดี [กัมมชรูปทุกรูปมีอายุเท่ากับ ๑๗ ขณะจิต หรือ ๕๑ อนุขณะของจิต]

๒. จิตตชรูปนั้น สำหรับของปุถุชนและพระเสกขบุคคลทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายที่อุปปาทักขณะของจุติจิต เพราะฉะนั้น หลังจากจุติจิตดับลงแล้ว [สัตว์นั้นตายไปแล้ว] จิตตชรูปใหม่ย่อมไม่เกิดขึ้นอีก [จิตตชรูปย่อมเกิดขึ้นได้เฉพาะตรงอุปปาทักขณะของจิตเท่านั้น ส่วนตรงฐีติขณะและภังคขณะของจิตนั้น จิตตชรูปย่อมไม่เกิดขึ้นเลย] จิตตชรูปที่เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายที่อุปปาทักขณะของจุติจิตนั้น ย่อมตั้งอยู่ได้ต่อไปอีกเท่ากับจิต ๑๗ ขณะ [๕๐ อนุขณะของจิต] แล้วย่อมดับลงหลังจากจุติจิตดับไปแล้วเท่ากับระยะเวลาของจิต ๑๖ ขณะ [๕๐ อนุขณะของจิต] สำหรับพระอรหันต์ทั้งหลายนั้น จิตตชรูปย่อมเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายที่อุปปาทักขณะของจิตดวงที่ ๒ ที่นับถอยหลังจากจุติจิตขึ้นไป และจะดับลงหลังจากจุติจิตดับไปแล้วเท่ากับจำนวนจิต ๑๕ ขณะ [คือย่อมตั้งอยู่ได้เท่ากับ ๕๐ อนุขณะของจิตเช่นเดียวกัน]

๓. อุตุชรูปนั้น เกิดขึ้นได้ทุกอนุขณะของจิต หลังจากติชรูป คือ รูปที่เกิดจาก ๓ สมุฏฐาน ได้แก่ กัมมชรูป จิตตชรูป และอาหารชรูป ดับลงแล้ว อุตุชรูปย่อมเกิดขึ้นติดต่อกันไปได้ไม่ขาดสาย แม้จะกลายเป็นซากศพเน่าสลายเหลือแต่กระดูกหรือเถ้าถ่าน ตลอดจนสลายกลายเป็นธาตุ ๔ ไปเหมือนเดิม หรือจนกระทั่งถึงเวลาที่โลกถูกทำลายไป ที่กล่าวมานี้ หมายเอาอุตุชรูปของสัตว์พวกสังเสทชะกำเนิดและคัพภเสยยกะกำเนิด สำหรับอุตุชรูปของพวกโอปปาติกะกำเนิด ซึ่งได้แก่ พวกสัตว์นรก เปรต อสุรกาย เทวดา [ยกเว้นภุมมัฏฐเทวดาบางจำพวกที่มีซากศพเหลืออยู่] และรูปพรหมทั้งหลาย ซึ่งบุคคลเหล่านี้เมื่อตายลงแล้ว อุตุชรูปย่อมดับลงพร้อมกันกับจุติจิตทันที เพราะพวกที่เป็นโอปปาติกะกำเนิดนี้ เมื่อตายลงแล้วย่อมไม่มีซากศพเหลืออยู่เลย ย่อมเป็นเหมือนดวงไฟที่ดับวูบไป ฉันนั้น

๔. อาหารชรูปนั้น เกิดขึ้นได้ทุกอนุขณะของจิตเหมือนกันกับอุตุชรูป สำหรับกามบุคคลนั้น อาหารชรูปย่อมเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ภังคขณะของจุติจิต เมื่อจุติจิตดับลงแล้ว หมายถึง เมื่อผู้นั้นตายลงแล้ว อาหารชรูปที่เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังคงตั้งอยู่ได้ต่อไปอีกเท่ากับจิต ๑๗ ดวง แต่ไม่เต็มที่ คือ เท่ากับ ๕๐ อนุขณะของจิตเท่านั้น แล้วก็ดับลง ส่วนรูปพรหมทั้งหลายนั้นไม่มีอาหารชรูปเกิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องกล่าวถึงในที่นี้


เกี่ยวกับตำราอภิธรรม ออนไลน์ (Disclaimer)
ตำราอภิธรรมออนไลน์ พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของอภิธรรมมหาวิทยาลัย วัดระฆังฯ วัดญาณเวศกวัน และ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ เพื่อนำเสนอสื่อธรรมสำหรับการศึกษาค้นคว้า โดยได้รับอนุญาต และเอกสารต้นฉบับจากผู้เขียน ดังนี้
(๑) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๒), จิตปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๑, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๒) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๕๖), เจตสิกปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๒, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
(๓) พระมหาชินวัฒน์ จกฺกวโร (๒๕๖๓), รูปปรมัตถ์: คู่มือศึกษาอภิธัมมัตถสังคหะ ปริเฉจที่ ๖, พิมพ์ครั้งที่ ๑.
ผู้สนใจศึกษาสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสือ และหลักสูตรการศึกษาได้ที่ สำนักงานอภิธรรมมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย วัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร (คณะ ๗) แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทร ๐๒ ๔๑๑ ๔๕๔๖, ๑๒ ๔๑๒ ๑๐๘๔, ๐๘๖ ๐๓๘ ๒๙๓๓


  |