ไปยังหน้า : |
๑. เจตนาที่ประกอบในโลภมูลจิต ๘ ย่อมส่งผลให้ปฏิสนธิจิต เจตสิก และ กัมมชรูปเกิดเป็นเปรตและอสุรกาย
๒. เจตนาที่ประกอบในโทสมูลจิต ๒ ย่อมส่งผลให้ปฏิสนธิจิต เจตสิก และกัมมชรูปเกิดเป็นสัตว์นรก
๓. เจตนาที่ประกอบในโมหมูลจิต ๑ [เว้นอุทธัจจสัมปยุตตจิต] ย่อมส่งผลให้ปฏิสนธิจิต เจตสิก และกัมมชรูปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
๔. เจตนาที่ประกอบในมหากุศลจิตที่เป็นโอมกะและโอมโกมกะ ย่อมส่งผลให้ปฏิสนธิจิต เจตสิก และกัมมชรูปเกิดเป็นมนุษย์ ประเภทที่พิกลพิการทางจิต หรือพิการทางร่างกายด้วย เช่น เป็นบ้า ใบ้ บอด หนวก เป็นต้นแต่กำเนิด และให้เกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา ที่เป็นจำพวกเทวดาชั้นต่ำ มีรัศมี อานุภาพ และความสุขน้อย หรือได้รับความลำบากอัตคัดแร้นแค้น เป็นต้น
๕. เจตนาที่ประกอบในมหากุศลจิตที่เป็นโอมกุกกัฏฐะและอุกกัฏโฐมกะ ยอมส่งผลให้ปฏิสนธิจิต เจตสิก และกัมมชรูปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาในกามสุคติภูมิ ๗ ที่เป็นทวิเหตุกบุคคล คือ บุคคลที่ไม่มีปัญญาเกิดมาพร้อม ไม่สามารถทำฌาน อภิญญา มรรค ผล ให้เกิดขึ้นได้ในภพชาตินั้น
๖. เจตนาที่ประกอบในมหากุศลจิตที่เป็นอุกกัฏฐะและอุกกัฏฐุกกัฏฐะย่อมส่งผลให้ปฏิสนธิจิต เจตสิก และกัมมชรูปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดาในกามสุคติภูมิ ๗ ภูมิใดภูมิหนึ่ง ที่เป็นติเหตุกบุคคล ถ้ามีบุญบารมีทางฌาน อภิญญา มรรค ผล มาเต็มเปี่ยมแล้ว ย่อมสามารถทำฌาน อภิญญา มรรค ผล ให้เกิดขึ้นได้
๗. เจตนาที่ประกอบในรูปาวจรกุศลจิต ย่อมส่งผลให้ปฏิสนธิจิต เจตสิก และกัมมชรูป เกิดเป็นรูปพรหมในรูปภูมิ ตามสมควรแก่ฌานที่ตนเองได้ หมายความว่า ถ้าได้ปฐมฌานกุศล ย่อมนำให้เกิดในปฐมฌานภูมิ เป็นต้น
๘. เจตนาที่ประกอบในอรูปาวจรกุศลจิต ย่อมส่งผลให้ปฏิสนธิจิตและเจตสิก เกิดเป็นอรูปพรหมในอรูปภูมิ ๔ ตามสมควรแก่ฌานกุศลที่ตนเองได้ คือ ถ้าได้อากาสานัญจายตนฌานกุศล ย่อมนำเกิดในอากาสานัญจายตนภูมิ เป็นต้น